หน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่งของผิวคนเรา คือ การช่วยร่างกายเก็บกักความชุ่มชื่นเอาไว้ ซึ่งนั่นจำเป็นต้องมีปราการความชุ่มชื่นที่ดี หมายความว่าเซลล์ต่างๆ ของผิวชั้นบนจะต้องเกาะเข้ากันได้อย่างเป็นระเบียบและมีประสิทธิภาพ เมื่อกาลเวลาผ่านไปและเมื่อผิวถูกแดดเผา เซลล์เหล่านี้มักจจะรวมตัวกันไม่ค่อยติด ดังนั้นเราจึงมักจะสูญเสียความชุ่มชื่นไปตามสภาพแวดล้อม ลที่ตามมาก็คือ ผิวจะขาดน้ำ และรู้สึกแห้งตึงไม่มีความสบาย

"แห้ง" หมายถึงขาดความชุ่มชื่น ไม่ชุ่มฉ่ำ แสดงว่าผิวชั้นบนอาจไม่เคยมีความชุ่มฉ่ำเลย "ขาดน้ำ" หมายถึงบางครั้งผิวเคยมีความชุ่มชื่น แต่เกิดการสูญเสียน้ำ ทำให้ตอนนี้ผิวแห้ง ทั้งสองคำมีความหมายว่าขาดแคลนน้ำ ตามความหมายที่ใช้กันโดยทั่วไป "แห้ง" มักหมายถึงขาดแคลนน้ำมัน ส่วน "ขาดน้ำ" หมายถึงขาดแคลนนน้ำ

อากาศแห้ง ลม การตากแดด การทำความสะอาดผิวมากเกินไป การอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก/ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ การดื่มแอลกอฮอฃ์ เป็นไข้ และการสูบบุหรี่ล้วนมีผลกระทบต่อระดับความชุ่มชื่นของผิวได้ทั้งสิ้น การดื่มน้ำไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากช่วงที่มีการสูญเสียเหงื่อมาก (ได้แก่ การออกกำลังกาย ความร้อนในฤดูร้อน) หรือความเจ็บป่วยก็อาจะเป็นปัจจัยได้เช่นกัน แม้ผิวมันก็อาจขาดน้ำได้ถ้าไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ

คนหนุ่มคนสาวบางคนอาจมีพันธุกรรมที่มีผิวแห้ง แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การทำหน้าที่ของปราการผิว รวมถึงความสามารถในการเก็บกักความชุ่มชื่นจะค่อยๆ ลดน้อยลงไปตามวัย อีกทั้งเมื่อกาลเวลาล่วงเลยไป ผิวก็จะบางลงและการผลิตน้ำมันก็ลดลง ผลจากการถูกแดดเผาเป็นเวลานานๆ ก็ทำให้การทำหน้าที่ของปราการผิวหนังลดลงด้วย

ขัดผิวเบาๆ ถ้าเรามองดูที่ผิวชั้นบนของคนที่มีผิวแห้งให้ใกล้ๆ เรามักจะเห็นว่าเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะมีการสะสมและม้วนตัวขึ้น ทำให้ผิวรู้สึกแห้งและรู้สึกไม่สบายผิว การขจัดหรือขัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผิวแลดูดีขึ้นเท่านั้น หากแต่ยังช่วยให้ปราการผิวทำหน้าที่ได้เหมือนเดิม และผิวยังคงเก็บความชุ่มชื่นไว้ได้ ผิวที่มีการขัดจะรู้สึกสบายขึ้น การขัดผิวยังช่วยให้ผิวดูชุ่มชื่นด้วยมอยเจอไรเซอร์และส่วนประกอบอื่นๆ ที่มีประโยชน์ได้ง่ายขึ้นด้วย